ภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ หรือโรคทางเดินหายใจ ปัจจุบันนี้พบว่า คนไทยเป็นโรคนี้กันมาก ตรวจพบได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ ทางกรมการแพทย์เลยชี้  โรคภูมิแพ้เกิดจากกรรมพันธุ์ ติดเชื้อซ้ำ ๆ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อยู่กับสารก่อภูมิแพ้เป็นเวลานานๆ วันนี้ทางกู๊ดเฮลท์1999 ขอแนะวิธีรับมือภูมิแพ้ประเภทต่างๆ ช่วยให้ภาวะการเกิดอาการภูมิแพ้นั้นลดน้อยลง

 

โรคภูมิแพ้ คืออะไร

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ที่จะจดจำสิ่งแปลกปลอมที่จะทำร้ายร่างกายเรา เช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสโดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อสู้กับเชื้อโรค โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ allergen จากสิ่งแวดล้อมซึ่งปกติจะไม่มีอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่แพ้ ปฏิกิริยานี้เริ่มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรียกว่า IgE antibody ตัว antibody นี้จะกระตุ้น Mast cell ให้มีการหลั่งสาร Histamin ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่นลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหืด บางรายอาจจะรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ Anaphylaxis shock

 

โรคภูมิแพ้อากาศ กับไซนัสอักเสบ  ต่างกันอย่างไร

โรคภูมิแพ้อากาศ สามารถเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าได้ไวกว่าคนทั่วไปหรือจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องก็ได้ ดังนั้นเมื่อเจอฝุ่นหรืออากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศมักมีอาการคันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ทำให้ต้องขยี้จมูกและสั่งน้ำมูกบ่อย เยื่อบุจมูกจึงเกิดอาการบวมทำให้รูเชื่อมระหว่างโพรงจมูกและโพรงไซนัสตีบตัน จึงทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

 

โรคลมพิษคืออะไร

โรคลมพิษ เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบได้ถึงร้อยละ 15-30 ของประชากร ผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้น แดง คัน บางครั้งมีบวมด้วย เกิดขึ้นตามตัวและแขนขา มักขึ้นตอนบ่าย ๆ เย็น ๆ แต่อาจขึ้นเวลาใดก็ได้ ผื่นจะค่อย ๆ จางไปเอง อาการผื่นแดงและคันมักไม่อยู่นานเกิน 1 วัน อาจเป็นทุกวันหรือขึ้นเป็นบางวันก็ได้ ถ้าเกิดขึ้นทุกวันเกิน 6 สัปดาห์เราจัดเป็นลมพิษชนิดเรื้อรัง สาเหตุของโรคลมพิษ อาจเกิดจากการแพ้สารบางอย่าง อาหาร สารเคมี การติดเชื้อบางชนิด เช่น พยาธิ โรคแพ้ภูมิบางอย่าง แต่ส่วนมากไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าแพ้อะไร

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าเราแพ้อะไร

วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับผู้ป่วยคือการสังเกตด้วยตนเองว่าแพ้อะไร โดยสถิติพบว่าสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ ฝุ่นบ้าน ฝุ่นแมลงสาบ ตัวไรในฝุ่นบ้าน ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ ละอองเกสรดอกหญ้าหรือวัชพืช เชื้อรา อาหารบางชนิด ซึ่งที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ อาหารทะเลจำพวกกุ้ง ปู หอย แมงกะพรุน นมวัว ไข่ขาว ข้าวสาลี ถั่วต่าง ๆ หน่อไม้ เนื้อวัว เครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ อาหารที่มีเชื้อราหรือทำจากการหมักดอง เช่น ปลาร้า กะปิ ข้าวหมาก แหนม เบียร์ เห็ด ขนมปัง น้ำส้มสายชู ขนมจีน เป็นต้น

อาหารที่แพ้ บางชนิดเป็นส่วนผสมในอาหารหลายรูปแบบ เช่น นม ไข่ มีอยู่ในพวกขนมเด็ก ขนมปัง ดังนั้นผู้ที่แพ้ไข่แม้จะไม่ได้รับประทานไข่ต้ม ไข่ดาว ไข่เจียว แต่ไม่ได้หลีกเลี่ยงบะหมี่ ขนมเค้ก มักกะโรนี ก็ยังอาจมีอาการแพ้อยู่ได้อีก ผู้ป่วยที่แพ้อาหารจึงควรรู้จักส่วนประกอบต่าง ๆ ของอาหารที่รับประทานด้วยว่า มีอาหารที่แพ้ปะปนอยู่ด้วยหรือไม่ ทำจากการหมักดองหรือไม่ และควรหลีกเลี่ยงเสีย

อย่างไรก็ตาม การสังเกตอาหารที่แพ้ อาจทำได้ไม่ง่ายนักในบางกรณี เพราะอาหารบางอย่าง ร่างกายอาจไม่แสดงปฏิกิริยาทันที บางครั้งอาจแสดงอาการสามวัน เจ็ดวัน ให้หลัง ทำให้ลืมไปแล้วว่ารับประทานอาหารเข้าไป ดังนั้น หากจะให้รู้แน่ว่าแพ้อะไร ให้หยุดอาหารตัวที่สงสัยไว้ไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน จากนั้นทดลองรับประทานดูใหม่ ถ้ามีอาการแพ้ก็ให้สงสัย และหลีกเลี่ยงเสีย

 

วิธีการที่ผู้เป็นภูมิแพ้ควรปฎิบัติ

 

การป้องกันโรคภูมิแพ้ควรปฏิบัติตน ดังนี้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ กรณีแพ้ตัวไรฝุ่น ควรนำเครื่องนอนออกไปโดนแสงแดดทุก 15 วัน เปิดหน้าต่างให้แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง เพราะตัวไรฝุ่นจะตายเมื่อโดนแสงแดด ห้องนอนไม่ควรปูพรม ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศแอร์ หรือใบพัดลมทุกสัปดาห์ กรณีแพ้ขนสุนัข หรือขนแมว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสสุนัข หรือขนแมว ไม่ควรเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้ในบ้าน กรณีแพ้แมลงสาบ ควรทำความสะอาดบ้านเรือนให้ปราศจากเศษอาหาร หรือใช้ยากำจัดแมลงสาบ

กรณีแพ้ละอองเกสร ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสเกสรทั้งทางตรงและทางอ้อม กรณีแพ้เชื้อรา ควรรักษาความสะอาดร่างกายไม่ให้มีจุดอับชื้น ในห้องนอนไม่ควรมีต้นไม้ที่ต้องรดน้ำ เพื่อไม่ให้มีแหล่งกำเนิดเชื้อรา นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงและอยู่ห่างไกลจากฝุ่นละออง ควันรถยนต์ในชั้นบรรยากาศ ควันก๊าซจากโรงงาน หรือสิ่งกระตุ้นอื่น ๆ เช่น ควันบุหรี่ เป็นต้น รวมทั้งหมั่นระวังอาหารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย เช่น กุ้ง ปู หอยทะเลต่าง ๆ ที่สำคัญควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะทำภูมิต้านทานดีขึ้น อาการภูมิแพ้ลดลง ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพทั่วไปดีขึ้น และยังลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ได้