ภาวะไม่สมดุล 2

 

ในยุคสมัยใหม่ 2015 มีการเปลี่ยนแปลงของโลกเกิดขึ้นมากมาย เทคโนโลยี นวัตกรรม โรงงานอุตสาหกรรม ก็เข้ามาก่อตั้ง มีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทางเศษฐกิจของประเทศไทยเรา เรื่องของการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชน เพิ่มช่องทางการทำมาหากินของคนในชาติ อุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสภาพแวดล้อมค่อนข้างมากด้วย เช่นกัน รวมถึงการใช้ชีวิตของคนทำงานในปัจจุบันต้องเร่งรีบและแข่งขันกันสูง ทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ความเครียด การกินอาหารสำเร็จรูป และไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย เพื่อฟิตร่างกายและจิตใจ สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นปัจจัยทำให้ร่างกายเกิดภาวะปัญหาสุขภาพไม่น้อย อันได้แก่ โรคภูมิแพ้ต่างๆ หรือที่เรียกว่า “ภูมิคุ้มกันไม่สมดุล”

 

“ภูมิคุ้มกันไม่สมดุล” ยังเป็นสาเหตุก่อโรคและปัญหาสุขภาพตามมา อาทิ โรคออฟฟิตซินโดรม โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น แม้ว่าเรามีภูมิคุ้มกันโรคในร่างกายที่ติดตัวมาตามธรรมชาติ เป็นกลไกในการป้องกันตนเองที่จะกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำ อันตรายต่อเนื้อเยื่อต่างๆ แล้วก็ตาม แต่หากไม่ดูแลสุขภาพตัวเอง ภูมิคุ้มกันที่มีในตัวเราก็ไม่สามารถป้องกันตนเองได้ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามความสำตัญของเรื่องการปรับภูมิคุ้มกันให้สมดุลเพื่อ ป้องกันร่างกายให้ห่างไกลจากโรคภัย ขอแนะนำวิธีการเพิ่มภูมิคุ้มกันที่ทุกคนก็สามารถทำได้ ดังนี้

เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการใช้อาหารเป็นยา

การใช้อาหารเป็นยาสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้เกิดความสมดุลได้ อันเป็นผลจากความทุ่มเทศึกษาวิจัยพืชสกุลมังคุดและอื่นๆ ยาวนานเกือบ 40 ปี จนค้นพบสารสกัด GM-1 จากมังคุดที่มีประสิทธิภาพในการต้านอาการอักเสบและระงับปวดได้ดีว่าแอสไพริน ถึง 3 เท่า และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อมะเร็งในหลอดทดลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ สารสกัดธัญพืชและผลไม้ 5 ชนิด คือ มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง บัวบก และฝรั่ง ยังมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง โดยสารสกัดธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้ผลิตเม็ดเลือดขาวชนิด Th1 เพิ่มขึ้น ทำหน้าที่ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 ที่ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ตามมา และยังช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่สมดุล

เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยอาหารเสริม

การทานอาหารเสริมเป็นสิ่งที่ทานเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ร่างกายอาจจะขาดหรือได้รับไม่เพียงพอ เนื่องด้วยวิถีการดำรงชีวิตของคนรุ่นใหม่นี้ ใช้ชีวิตกันแบบเร่งรีบ ไม่ได้เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ อาหารเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพ ที่ช่วยเติมเต็มและปรับสมดุลให้กับอาหารที่เราทานเข้าไปในแต่ละวัน ซึ่งการทานอาหารเสริมร่วมกับการทานอาหารปกติ ก็จะช่วยปรับความสมดุล เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดโรคเสื่อมต่างๆในร่างกาย แต่ก็ควรเลือกทานอาหารเสริมที่มาจากสมุนไพร หรือ พืชที่สกัดจากธรรมชาติ ที่ได้รับมาตราฐาน ก็จะดีกว่า เพราะหากทานแล้วจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ตามมา

เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการพักผ่อนเพียงพอ

ในขณะที่เราหลับเซลล์ต่างๆในร่างกายจะทำการซ่อมแซมตัวเอง และสร้างเซลล์บางตัวขึ้นมาใหม่ ร่างกายจะ หลั่งสารเมลาโทนิน (Melatonin) ออกมา ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญหลายอย่างเช่น ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความดันโลหิต การนอนหลับหรือพักผ่อนเต็มที่จึงทำให้คุณตื่นมาสดชื่น ระบบการเผาผลาญทำงานได้ดี สมองปลอดโปร่งด้วย โดยคนเราควรนอนหลับประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จึงควรเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม สำหรับคนทำงานที่นอนหลับไม่เพียงพอก็ควรหาเวลางีบหลับสั้นๆ 10-20 นาที ระหว่างเวลา 13.00-16.00 น. จะช่วยให้ร่างกายสดชื่นและรู้สึกตื่นตัวคะ

เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยการออกกำลังกาย

อย่างที่ทราบกันดี การออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ดี ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรค โดยมีข้อมูลการ ศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Br J Sports Medicine รายงานว่า การออกแรง-ออกกำลัง 5 วัน/สัปดาห์ ลดโอกาสติดหวัดได้ 43-46% และการศึกษาจากสหรัฐฯ รายงานว่า แค่การออกกำลังแรงปานกลาง เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค ฯลฯ ก็สามารถช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนได้ 2 เท่า แล้ว

เพิ่มภูมิคุ้มกันด้วยสมาธิ

การนั่งสมาธิจะเป็นประโยชน์เมื่อทำซ้ำๆ ใช่ว่านั่งครั้งเดียวแล้วเห็นผล การนั่งสมาธิเป็นการพักผ่อนจิตใจตัวเอง ทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน ทำ ให้เรามีสติและความรอบครอบมากขึ้น การทำงานมาเหนื่อยๆ เครียดๆ ลองนั่งสมาธิดูสิคะ ผู้ฝึกปฏิบัติใหม่ๆ ควรลองนั่งแค่ 5-15 นาทีก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเป็น 20, 30, 40 นาทีหรือนานกว่านี้ตามลำดับ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจปรับตัวไปทีละน้อย เมื่อนั่งไปแล้วหากปวดขาหรือเป็นเหน็บ ก็ขอให้พยายามอดทนให้มากที่สุด ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ จึงค่อยขยับเปลี่ยนท่า การนั่งสมาธิยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันด้วย แถมเป็นวิธีที่ทุกคนสามารถทำได้โดยไม่ต้องลงทุนด้วย

การมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ห่างไกลโรค สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการปฎิบัติตัวของคุณเอง หากคุณรู้จักดูแลตัวเอง ทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการทำจิตใจให้ปลอดโปล่ง ทานอาหารเสริมที่เหมาะสมก็ช่วยให้ร่างกายของคุณนั้นสมดุลยิ่งขึ้นคะ